การ์ดจอที่มีแรม (VRAM) ขนาด 16GB จะให้หน่วยความจำสำหรับประมวลผลกราฟิกจำนวนมาก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการจัดการกับพื้นผิวแบบละเอียดสูง (High-resolution textures) ฉากที่มีความซับซ้อน และเอฟเฟกต์กราฟิกขั้นสูงในแอปพลิเคชันสมัยใหม่ หน่วยความจำวิดีโอ (VRAM) จะทำหน้าที่เก็บข้อมูลที่จำเป็นต่อการแสดงผลบนหน้าจอ การมีความจุมากขึ้นจะช่วยให้ GPU เข้าถึงข้อมูลพื้นผิวได้มากขึ้นโดยตรง ลดการพึ่งพาหน่วยความจำระบบซึ่งทำงานช้ากว่า สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเล่นเกมระดับ 4K เนื่องจากพื้นผิวและไฟล์ทรัพยากร (assets) มีขนาดใหญ่กว่าที่ความละเอียด 1080p หรือ 1440p อย่างมาก การ์ดจอที่มี VRAM 16GB สามารถรันเกมเช่น Cyberpunk 2077, Red Dead Redemption 2 หรือ Microsoft Flight Simulator ด้วยการตั้งค่าภาพระดับสูงสุดได้อย่างลื่นไหล เพราะเกมเหล่านี้มีสภาพแวดล้อมที่สมจริงและใช้พื้นผิวความละเอียดสูง นอกจากการเล่นเกมแล้ว แอปพลิเคชันระดับมืออาชีพ เช่น การเรนเดอร์ภาพสามมิติใน Blender การตัดต่อวิดีโอใน DaVinci Resolve และการสร้างเนื้อหาสำหรับความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality - VR) ก็ได้รับประโยชน์จากการมี VRAM เพิ่มเติม เนื่องจากมักต้องประมวลผลชุดข้อมูลขนาดใหญ่และต้องการบัฟเฟอร์เฟรมที่มีความจุสูง ประเภทของ VRAM ก็มีผลเช่นกัน โดย GDDR6 มีแบนด์วิดธ์สูงกว่า GDDR5 ในขณะที่ GDDR6X ที่พบในการ์ดระดับท็อปมีความเร็วเพิ่มขึ้นอีกระดับ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการรักษาประสิทธิภาพเมื่อใช้งานที่ความละเอียดสูงสุด อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ความจุเท่านั้นที่สำคัญ—แบนด์วิดธ์หน่วยความจำ (วัดเป็น GB/s) และความกว้างของบัส (เช่น 256-bit หรือ 384-bit) ก็มีผลต่อประสิทธิภาพเช่นกัน เพราะมันกำหนดว่าข้อมูลสามารถถูกส่งไป-กลับกับ GPU ได้รวดเร็วเพียงใด การ์ดจอ 16GB ที่มีบัสแคบอาจทำงานได้ไม่ดีเท่าการ์ด 12GB ที่มีบัสกว้างกว่าในสถานการณ์ที่ขึ้นอยู่กับแบนด์วิดธ์ การปรับสมดุลระหว่างความจุ VRAM กับสเปคอื่นๆ จะช่วยให้ GPU สามารถรับมือกับงานที่ต้องการทรัพยากรสูงได้โดยไม่มีคอขวด เมื่อเกมและแอปพลิเคชันยังคงพัฒนาความสามารถทางด้านกราฟิกต่อไป การ์ดจอ VRAM 16GB ถือเป็นจุดที่ลงตัวสำหรับการใช้งานเล่นเกมประสิทธิภาพสูงและการใช้งานระดับมืออาชีพ เพราะมีหน่วยความจำเพียงพอสำหรับความต้องการปัจจุบัน พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับเกมหรือแอปพลิเคชันที่ต้องการทรัพยากรมากขึ้นในอนาคต