พีซีสำหรับเล่นเกมที่ระบายความร้อนด้วยของเหลว (Liquid-cooled gaming PC) ถือเป็นจุดสูงสุดของการจัดการความร้อนในระบบคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง เนื่องจากสามารถระบายความร้อนได้ดีกว่าระบบที่ใช้การระบายความร้อนด้วยอากาศแบบดั้งเดิมอย่างชัดเจน โดยหลักการทำงานของระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว (หรือที่เรียกว่าระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ) คือ การหมุนเวียนของสารทำความเย็น—โดยปกติจะประกอบด้วยน้ำปราศจากไอออน (deionized water) สารป้องกันสนิม และสารป้องกันการเกิดสาหร่าย—ภายในระบบที่ปิดสนิทและเชื่อมต่อกับชิ้นส่วนที่สร้างความร้อน โดยเฉพาะหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) และหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ระบบนี้ประกอบด้วยชิ้นส่วนสำคัญ ได้แก่ บล็อกน้ำ (water block) ที่ทำหน้าที่ดูดซับความร้อนจากชิ้นส่วน, ปั๊ม (pump) เพื่อหมุนเวียนของเหลว, เครื่องทำให้เย็น (radiator) เพื่อปล่อยความร้อนออกสู่อากาศ และพัดลม (fans) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายเทความร้อนจากระบบระบายความร้อน สารทำความเย็นจะดูดซับพลังงานความร้อนจากตัวชิป CPU/GPU ผ่านโครงสร้างช่องทางขนาดเล็ก (micro-channel architecture) ของบล็อกน้ำ จากนั้นพาความร้อนไปยังเครื่องทำให้เย็นและปล่อยออกสู่สภาพแวดล้อม ทำให้เกิดวงจรการระบายความร้อนที่ต่อเนื่อง ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวนั้นมีชื่อเสียงในเรื่องความสามารถในการรักษาอุณหภูมิขณะทำงานภายใต้ภาระหนักให้อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการโอเวอร์คล็อก (overclocking) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ CPU และ GPU ให้เกินขีดจำกัดจากโรงงาน เช่น โปรเซสเซอร์ Intel Core i9-13900K หรือ AMD Ryzen 9 7950X ที่โอเวอร์คล็อกแล้วอาจสร้างความร้อนได้มากกว่า 200 วัตต์ และเครื่องระบายความร้อนด้วยของเหลวที่มีคุณภาพสามารถลดอุณหภูมิลงได้ 10–15°C เมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนด้วยอากาศระดับพรีเมียม ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการปรับลดประสิทธิภาพอัตโนมัติ (thermal throttling) และรับประกันความเสถียรระหว่างเล่นเกมนานๆ เช่นเดียวกัน กราฟิกการ์ดระดับสูงอย่าง NVIDIA RTX 4090 หรือ AMD Radeon RX 7900 XTX ที่ใช้พลังงานมากกว่า 450 วัตต์เมื่อใช้งานเต็มที่ ก็ได้รับประโยชน์จากการระบายความร้อนด้วยของเหลว ซึ่งช่วยให้รักษารอบการทำงานของพัดลมไว้ในระดับต่ำและลดเสียงรบกวน มีอยู่สองประเภทหลักของระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว ได้แก่ ระบบแบบครบวงจร (all-in-one หรือ AIO) และระบบแบบวงจรกำหนดเอง (custom loop) ระบบ AIO เช่น Corsair H150i หรือ NZXT Kraken Z73 เป็นระบบที่ถูกประกอบไว้ล่วงหน้า ทำให้ติดตั้งง่ายเหมาะกับผู้ใช้งานทั่วไป โดยมีปั๊ม บล็อกน้ำ และเครื่องทำให้เย็นรวมอยู่ในชุดเดียว (มีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 120mm, 240mm, 360mm หรือแม้กระทั่ง 420mm) โดยเครื่องทำให้เย็นขนาดใหญ่จะมีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนได้ดีกว่า ในทางตรงกันข้าม ระบบ custom loop จะเหมาะกับผู้ใช้งานระดับสูงที่ต้องการควบคุมชิ้นส่วนทุกตัวเอง ตั้งแต่ถังพักของเหลว (reservoir tank), ท่อแบบแข็ง (hardline tubing), ข้อต่อระดับพรีเมียม และแม้กระทั่งบล็อกน้ำสำหรับ GPU ระบบนี้สามารถระบายความร้อนให้กับหลายชิ้นส่วนพร้อมกัน ทำให้อุณหภูมิต่ำลงและรองรับการโอเวอร์คล็อกระดับสูง แม้ว่าจะต้องอาศัยความรู้ทางเทคนิคและการลงทุนที่สูงกว่า แม้ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวจะมีข้อได้เปรียบที่ชัดเจน แต่ก็มีข้อควรพิจารณาเช่นกัน ระบบที่เป็น AIO นั้นแทบไม่ต้องบำรุงรักษาเลย แต่ระบบที่เป็น custom loop อาจจำเป็นต้องเติมสารทำความเย็นเป็นระยะ หรือทำความสะอาดระบบเพื่อป้องกันการสะสมของแร่ธาตุหรือการเกิดสาหร่ายที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพตามกาลเวลา การรั่วไหลของของเหลวถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องสำคัญ แม้ชิ้นส่วนสมัยใหม่จะใช้ซีลยาง EPDM หรือ Viton คุณภาพสูงเพื่อลดความเสี่ยง ราคาเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องคำนึง โดยระบบที่เป็น AIO มีราคาเริ่มต้นประมาณ $100–$200 ส่วนระบบที่เป็น custom loop อาจมีราคาเกิน $500 สำหรับชิ้นส่วนระดับพรีเมียม แม้จะมีข้อแลกเปลี่ยนเหล่านี้ แต่พีซีที่ระบายความร้อนด้วยของเหลวถือเป็นมาตรฐานทองคำสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด การทำงานเงียบ และความสามารถในการใช้งานฮาร์ดแวร์จนถึงขีดจำกัด จึงเป็นตัวเลือกที่ขาดไม่ได้สำหรับนักเล่นเกมมืออาชีพ ผู้สร้างคอนเทนต์ และผู้ที่หลงใหลในเทคโนโลยีพีซี